บทที่ 9 มีแต่ความคิดถึง 2

มันยากจริงๆ ที่จะข่มตาให้หลับลงได้ ในค่ำคืนแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่ ห้องส่วนตัวก็สวย สะอาด ตกแต่งได้น่าอยู่ เตียงนอนก็นุ่ม สบาย เย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ ทว่าอรองค์ก็นอนไม่หลับ แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนมาแล้ว

จะสวดมนต์ นั่ง นอนสมาธิ นับแกะไปเป็นพันตัว แต่ก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้

ในใจมันโหวงเหวง คิดถึงห้องนอนแคบๆ บนเรือนหลังเล็ก ได้ยินเสียงแมลงกลางคืนร้องดังระงม เสียงใบไม้ส่ายตามแรงลม ขับกล่อมให้หลับสบาย

ยิ่งคิดน้ำตาเธอก็ไหลพราก พร้อมสะอื้นฮัก

อาวิณใจร้าย

ใจร้ายที่สุด!

ป่านนี้คงมีความสุขกับมะลิจนลืมหลานนอกไส้อย่างเธอไปแล้ว

ขอให้สำลักความสุขจนจุกอกไปเลย!

จริงๆ ก็ไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว แต่คืนนี้มันยากเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิงที่เพิ่งจากบ้านที่เคยอยู่มานาน เพียงลำพัง

คิดถึงพ่อ คิดถึงปู่กำนัน คิดถึงย่าพิศมัย ที่ใจดีกับเธอที่สุด

และยังต้องคิดถึงคนที่ใจร้ายกับเธอที่สุดด้วย

มันทั้งเสียใจและเจ็บใจจริงๆ

เขาคงจะรักมะลิมากสินะ เพราะที่ผ่านมาเธอก็แกล้งผู้หญิงคนอื่น เขาก็ไม่ได้โกรธมากขนาดนี้ แถมยังปลอบใจมะลิด้วยการพาไปเที่ยวเมืองนอกอีก

ไม่แน่ว่าอาวิณอาจแต่งงานกับมะลิ

แต่คุณย่าพิศบอกกับเธอว่า เธอต่างหากที่จะได้เป็นเจ้าสาวของอาวิณ

คุณย่าไม่โกหกเธออยู่แล้ว

วันหนึ่งที่เธอโตขึ้น อาวิณก็ต้องแต่งงานกับเธอ

อาวิณไม่รักมะลิ

อาวิณแค่หลงมะลิชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น

อีกหน่อยอาวิณก็เบื่อมะลิ

มะลิไม่สวย

มะลิไม่น่ารัก

มะลิกลัวผี

มะลิตกบันไดไปเอง

เอิงไม่ได้ผลัก

มะลิซุ่มซ่ามเอง

ครอกฟี่

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูนั่นเองที่ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียง ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน

“เอิง ตื่นหรือยัง นี่ใกล้เที่ยงแล้วนะ ลงไปกินข้าวกันเถอะ” เสียงของอารียาดังอยู่หน้าห้องนอน

“เออ ตื่นแล้ว ขอเข้าห้องน้ำก่อน แล้วจะลงไป” เธอตะโกนตอบ แล้วเดินเอื่อยๆ เข้าห้องน้ำ

ใช้เวลาจัดการธุระส่วนตัวอยู่เพียงสิบห้านาทีเท่านั้นอรองค์ก็ออกจากห้อง ลงไปชั้นล่างเจอสาวชื่อวิไลกำลังเก็บกวาดห้องโถงอยู่พอดี

“คุณอินกับคุณอิ้งอยู่ในห้องกินข้าวค่ะ”

“ค่ะ” อรองค์รับคำ แล้วเดินตรงไปยังห้องกินข้าว ซึ่งอยู่ในโซนใกล้ครัว

“อ้าว มาๆ กินข้าวกัน”

เมื่อโผล่หน้าเข้าไปอินทุอรก็กวักมือให้มานั่งข้างๆ

“ขอโทษด้วยค่ะ เอิงตื่นสายมาก”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ป้าเข้าใจ แปลกที่แปลกทาง คงนอนไม่หลับสิท่า”

“ค่ะ กว่าจะหลับก็...อือ เกือบเช้า”

“ไม่เป็นไรหรอก นานๆ ไปเดี๋ยวก็ชินไปเอง แต่เราต้องเข้มแข็งนะ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

“ค่ะ เอิงจะเข้มแข็ง และปรับตัวให้ได้ค่ะ”

“งั้นก็กินเถอะ จะได้ไปช้อปกัน” อารียาพูดแล้ว ตักอาหารใส่จานตัวเอง

“ช้อปที่ไหน”

“แม่จะพาเราสองคนไปเดินห้าง เธอน่ะต้องซื้อเสื้อผ้าเพิ่ม และเปลี่ยนแนวการแต่งตัวดีไหม”

เพราะอรองค์ชอบแต่งตัวสบายๆ ใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดตัวใหญ่เหมือนเด็กผู้ชาย แถมไว้ผมสั้นเคลียหู ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่

โอ๊ย แล้วยังฝันจะเป็นเจ้าสาวของอาวิณอีก

ทอมบอยขนาดนี้

“ก็ฉันชอบแต่งแบบนี้” อรองค์บอก

“แกจะมาแต่งตัวเหมือนพร้อมจะไปปลูกผัก หรือปีนต้นไม้ วิ่งเล่นทโมนเหมือนอยู่ที่ไร่ไม่ได้นะ มาอยู่ในเมืองใหญ่ก็ต้องตามแฟชั่นบ้าง”

“ยัยอิ้งยุ่งเรื่องแต่งตัวของเอิงทำไม” อินทุอรดุลูกสาว เพราะของแบบนี้มันสไตล์ใครสไตล์มัน

“ก็อยากให้ทันสมัยไงคะแม่ ที่สำคัญเสียดายหน้าสวยๆ ถ้าไว้ผมยาวหน้าจะสวยหวานมากเลยนะ”

“อือ น่าสน เปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างก็ดีนะ แต่ฉันไม่ชอบใส่กระโปรงเหมือนแกนะ” ถ้าเธอน่ารักขึ้น เผื่ออาวิณจะรักเธอบ้าง

“กางเกงทันสมัย น่ารักๆ มีตั้งเยอะแยะ เสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์ลายน่ารักๆ ก็มีถมเถ ถ้าแกไม่อยากเปลี่ยนสไตล์ แต่หาแนวใกล้เคียงสไตล์เดิมก็ได้”

“อือ ก็ดี แต่ทรงผม คงอีกนานกว่าจะยาว”

“ไม่เป็นไร แค่เก็บให้เข้าทรงกว่านี้ก็น่ารักแล้ว”

เมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว อินทุอรจึงพาทั้งสองไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก

:::::::::::::::::;

บทก่อนหน้า
บทถัดไป